รู้ทัน 5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับรอยแผลเป็นจากสิว

5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับรอยแผลเป็นจากสิว

เรื่อง ‘สิว’ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป เพราะถึงแม้จะรักษาให้สิวยุบตัวลงไปแล้ว แต่ปัญหาที่ตามมาคือร่องรอยของแผลเป็นที่เกิดขึ้น ทั้งรอยดำ รอยแดง จนทำให้เราต้องมานั่งกังวลใจเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ก่อนที่จะไปหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากสิว มารู้ทัน 5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวให้จางลง พร้อมแนะนำไอเทมครีมลดรอยแผลเป็นจากสิวที่ได้ผลจริงกัน!

ปัญหารอยสิวที่ไม่ใช่เรื่องจิ๋ว

เป็นสิวก็ทำให้หนักใจมากแล้ว แต่เมื่อสิวหายรอยแผลเป็นเกิดจากสิวกลับสร้างความลำบากใจให้มากกว่าเดิม แต่เพื่อให้การรักษารอยแผลเป็นเหล่านี้มีประสิทธิภาพ เรามารู้ถึงสาเหตุและประเภทของรอยสิวที่เกิดขึ้น เพื่อการรักษาที่ถูกต้องที่สุดกันดีกว่า

สาเหตุการเกิดรอยสิว

รอยสิว เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากกระบวนการสมานแผลในรูขุมขน เมื่อผิวหนังแยกออกจากกัน ร่างกายจะส่งคอลลาเจนเข้าช่วยสมานและฟื้นฟูบาดแผล พร้อมกับส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมากำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมในส่วนนี้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อผิวบริเวณนั้นยังมีการสร้างเนื้อเยื่อที่ไม่สมบูรณ์ รวมถึงมีการรวมตัวของเม็ดสีเมลานินผิว จึงทำให้เกิดรอยสิวในรูปแบบต่าง ๆ บนผิวหนัง นอกจากนี้ พฤติกรรมบางอย่างก็ยังส่งผลให้แผลเป็นเหล่านี้ขยายตัวและหายได้ช้าลงอีกด้วย เช่น

  • การเป็นสิวอักเสบ : แผลเป็นเกิดจากสิวอักเสบ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เนื่องจากการอักเสบจากสิวจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นสิว จนทำให้เกิดรอยแผล ซึ่งในบางรายอาจใช้เวลานานในการรักษาให้หาย
  • การแกะ หรือ แคะสิว : บางครั้งปัญหาสิวก็กวนใจเราอย่างมาก จนอาจทำให้รู้สึกรำคาญสายตา อีกทั้งยังมีอาการคัน ระคายเคือง จนต้องเอามือไปแคะ แกะ เกา แต่รู้หรือไม่ พฤติกรรมเหล่านี้ นอกจากทำให้สิวหายได้ช้าแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อผิวหนัง และรูขุมขนอักเสบมากขึ้น ทำให้เกิดรอยสิวและแผลเป็นได้อีกด้วย
  • การรักษาสิวที่ไม่ถูกวิธี : สำหรับหลาย ๆ คน ที่พึ่งเจอกับปัญหาสิว และเป็นมือใหม่กับเรื่องนี้ อาจยังไม่เข้าใจถึงวิธีการดูแลรักษาผิวหน้า รวมถึงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการรักษารอยแผลเป็นให้จางลง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม การเลือกใช้สกินแคร์ หรือการเลือกครีมลดรอยแผลเป็นจากสิวที่ไม่เหมาะสม ล้วนส่งผลให้ผิวบริเวณที่เกิดสิวอักเสบ และกลายเป็นแผลเป็นที่รักษาได้ยาก

รู้จักประเภทของรอยสิว

  1. รอยดำ : เกิดจากผิวหนังถูกรบกวนจากการอักเสบของสิว และมีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งการอักเสบยังไปกระตุ้นการผลิตเม็ดเมลานินผิดปกติ ซึ่งทำให้เกิดรอยดำบนผิวได้
  2. รอยแดง : เกิดจากผิวหนังถูกรบกวนจากการอักเสบของสิว ส่งผลให้การลำเลียงเลือดไปซ่อมแซมผิวทำงานผิดปกติ ทำให้เลือดใต้ผิวหนังเกิดการขยายตัว เห็นเป็นสีแดง ชมพู หรือม่วง
  3. รอยหลุมสิว : เกิดจากกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ที่มีคอลลาเจนไม่เพียงพอ ทำให้เนื้อเยื่อบางส่วนหายไป จนเกิดเป็นแผลหลุมสิว

วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว

ความเชื่อผิด ๆ วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว

 

  1. ปล่อยให้หายเอง โดยไม่รักษา

หลายคนที่มักพบกับอาการเจ็บปวดจากปัญหาสิว มีความเชื่อที่ว่า วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่ดีที่สุด คือการปล่อยให้สิวหายเอง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด แต่วิธีที่เหมาะสมก็คือ หากว่ามีปัญหาสิวเกิดขึ้น ขั้นตอนแรกคือการดูแลทำความสะอาดผิวให้ดี พร้อมมองหายารักษาสิวที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารอยสิวที่รักษายากตามมา

  1. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ออกฤทธิ์รุนแรงทำให้สิวหายเร็วและไม่เกิดรอยสิว

รอยแผลเป็นจากสิว รักษายังไง? หลายคนอาจคิดว่าต้องเลือกให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง ถึงจะช่วยให้สิวหายได้ไว และไม่เกิดรอยแผลเป็น ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้อาจตรงกันข้ามกับผลลัพธ์ที่เราต้องการอย่างเห็นได้ชัด เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง นอกจากไม่ทำให้สิวหายได้แล้ว ยังทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เซลล์ผิวเสียหาย และอาจทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงอื่น ๆ ตามมาได้

  1. ปล่อยให้ผิวแห้งบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดน้ำมันสะสม รอยสิวจะได้จางลง

อีกหนึ่งความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้รอยแผลเป็นเกิดจากสิวลดลงได้ นั่นก็คือการปล่อยให้ผิวแห้ง แต่รู้หรือไม่ ว่าหากผิวที่เกิดสิวแห้งมากจนกลายเป็นผิวที่ขาดน้ำ จะมีการผลิตน้ำมันออกมาให้ผิวมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวอุดตันได้ ซึ่งยิ่งจะทำให้รักษาได้ยาก รวมถึงยังจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

  1. ใช้วิตามินอีรักษารอยสิวตรง ๆ

ถึงแม้ว่าวิตามินอีจะมีฤทธิ์ที่ช่วยลดรอยสิวพร้อมสร้างความชุ่มชื่นให้กับผิว แต่หากใช้ผิดวิธีก็อาจทำร้ายผิวของเราได้เช่นกัน อย่างการใช้วิตามินอีกับบริเวณที่เกิดรอยแผลจากสิวตรง ๆ อาจไปรบกวนกระบวนการสมานแผลและฟื้นฟูผิว ทำให้เกิดรอยหรือจุดด่างดำ รวมถึงอาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองอีกด้วย

  1. เลือกใช้ยารักษารอยแผลเป็นเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

การเลือกยารักษาสิวอักเสบเอง โดยไม่ได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบ และทำให้สิวลุกลามเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น หากใครที่เพิ่งเริ่มเป็นสิว และกำลังมองหายารักษาสิวประเภทต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องผิวก็จะเหมาะสมที่สุด หรืออาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองโดยแพทย์ผิวหนัง ก็จะตอบโจทย์กับการรักษารอยแผลเป็นมากที่สุด

สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมลดรอยแผลเป็นจากสิว ขอแนะนำ Provamed Post Acne Scar Gel เจลลดรอยสิว รอยแดง ที่จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ด้วยสารสกัด Epitensive ซึ่งเป็นนวัตกรรมโปรตีนจากพืช (Plant Epidermal Growth Factor) ช่วยฟื้นฟูผิว ลดปัญหารอยแผลและหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการรับรองจากเเพทย์ผิวหนังว่าอ่อนโยนต่อผิว
ช็อปสะดวกผ่านช่องทางออนไลน์, ห้างสรรพสินค้า และร้านขายยาใกล้บ้านคุณ

แชร์ :