รักษาสิวอักเสบอย่างไรให้หายไวแถมไม่ทิ้งรอยกวนใจ?

แม้จะเป็นเรื่องเล็กที่หลายคนมองข้าม แต่ปัญหาสิวเม็ดเล็กนี้กลับเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างทำความรำคาญใจและทำให้หลายคนหมดความมั่นใจในเวลาเดียวกัน ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่รีบดูแล สิวเม็ดเล็กนี้ก็อาจพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบ ที่ไม่เพียงแต่จะมีอาการเจ็บปวดขณะสัมผัสเท่านั้น แต่ยังสามารถทิ้งร่องรอยไม่น่ามองไว้บนใบหน้า แถมยังมีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้ง่าย ๆ อีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาสิวอักเสบอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะดูแลรักษาสิวอักเสบอย่างไรให้หายได้ไว ไม่ลุกลาม และไม่ทิ้งรอยดำ รอยแดง ตลอดจนหลุมสิวเอาไว้ ลองมาทำความรู้จักกับ 4 วิธีรักษาสิวอักเสบง่าย ๆ ที่นำมาฝากในวันนี้กัน

สิวอักเสบเกิดจากอะไร

รู้จัก “สิวอักเสบ” กันก่อน

เพราะปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น ก่อนที่จะไปดูวิธีรักษาสิวอักเสบที่เหมาะสม เราลองไปทำความรู้จักกับสิวอักเสบให้มากขึ้นกันก่อน

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) คือ โรคผิวหนังประเภทหนึ่งที่เกี่ยวกับการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน โดยทั่วไปแล้ว สิวอักเสบเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เซลล์ผิวหนังและความมันเข้าไปอุดตันรูขุมขนและต่อมไขมัน กรรมพันธุ์ หรืออาจเกิดขึ้นจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ สิวอักเสบยังเกิดขึ้นได้จากเชื้อแบคทีเรีย C.acnes ที่จะดึงดูดเม็ดเลือดขาวเข้ามาและกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบใต้ผิวหนัง โดยความรุนแรงของสิวอักเสบจะมีด้วยกัน 4 ระดับ ตั้งแต่สิวหัวแดง สิวหัวหนอง สิวก้อนแข็งลึก และสิวซีสต์ที่จัดได้ว่าเป็นสิวอักเสบที่ต้องได้รับการดูแลรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง

ดูแลรักษาสิวอักเสบอย่างไรได้บ้าง?

ถึงจะดูมีความรุนแรง แต่แท้ที่จริงแล้ว สิวอักเสบนั้นเป็นอีกหนึ่งประเภทสิวที่สามารถหายเองได้ แต่อาจใช้ระยะเวลานานหลายเดือน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา หรือ ดูแลอย่างถูกต้อง สิวอักเสบที่หายเองได้นี้ก็อาจทิ้งรอยดำ รอยแดง ตลอดจนหลุมสิวที่ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจลงไปได้

สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาสิวอักเสบกวนใจอยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นดูแลรักษาสิวอักเสบเบื้องต้นอย่างไรให้ถูกต้อง หายได้ไว และไม่มีผลข้างเคียงตามมา ลองมาพิจารณา 4 วิธีรักษาสิวอักเสบที่นำมาฝาก ดังนี้

4 วิธีรักษาสิวอักเสบเบื้องต้น

1. ลองแต้มสิวด้วย Tea Tree Oil

Tea Tree Oil เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากต้น Tea Tree ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลียที่มีสรรพคุณในการต้านการอักเสบ ตลอดจนช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสบางประเภทได้ จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า Tea Tree Oil สามารถใช้รักษาสิวอักเสบได้ดี โดยมีการระบุว่า Tea Tree Oil เพียง 5% สามารถรักษาสิวได้เทียบเท่ากับตัวยา Benzoyl Peroxide ที่ใช้รักษาสิว นอกจากนี้ Tea Tree Oil ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบของสิวอักเสบได้ด้วยเช่นกัน และเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องยังสามารถช่วยลดรอยดำและรอยแดงจากสิวได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดี Tea Tree Oil ก็เหมือนสารสกัดจากธรรมชาติประเภทอื่น ๆ ที่อาจไม่เหมาะสมกับผิวของบางคน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใช้ Tea Tree Oil ทุกครั้ง อย่าลืมทดสอบกับผิวหนังบริเวณที่บอบบางอย่างท้องแขนและหลังมือเพื่อตรวจดูอาการแพ้และผลข้างเคียงก่อนใช้งาน มิเช่นนั้นอาจทำให้การรักษาสิวอักเสบไม่มีประสิทธิภาพ แถมอาจลุกลามไปเป็นปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ได้

2. ชาเขียวก็ช่วยรักษาสิวอักเสบได้

รู้หรือไม่? เครื่องดื่มเมนูโปรดของใครหลายคนอย่าง “ชาเขียว” ยังสามารถนำมาใช้เป็นวิธีรักษาสิวอักเสบได้เช่นกัน โดยใบชาเขียวนั้นจะประกอบไปด้วยสารที่เรียกว่า “คาเทซิน” ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบ

นอกจากนี้ ชาเขียวยังอุดมไปด้วยสาร “โพลีฟีนอล” ที่ช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ส่งผลให้ลดความมันส่วนเกินที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาพบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีชาเขียวเป็นส่วนผสมสามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ใน 60 วันอีกด้วย

ที่สำคัญ ชาเขียวยังมีสารที่เรียกว่า “กรดแทนนิน” ที่ช่วยดูดลดการบวมแดงของสิว ตลอดจนช่วยดูดความมันส่วนเกินออกจากสิว ทำให้สิวแห้งและหายได้ไวขึ้นนั่นเอง แต่ก่อนจะตัดสินใจใช้ชาเขียวในการรักษาสิวอักเสบทุกครั้ง อย่าลืมนำไปทดสอบการแพ้กับผิวหนังบริเวณอื่น ๆ ร่วมด้วย

3. ใช้ว่านหางจระเข้เติมความชุ่มชื้นและลดสิวไปพร้อมกัน

“ว่านหางจระเข้” ไม่ได้มีดีแค่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวอักเสบได้เป็นอย่างดี โดยว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ อีกทั้งยังมีสรรพคุณในเรื่องของการสมานแผล ซึ่งช่วยทำให้สิวหายไวขึ้นได้จากการใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังช่วยลดการระคายเคืองของผิว พร้อมเติมน้ำให้ผิวดูสดชื่นและเนียนนุ่มน่าสัมผัส ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ว่านหางจระเข้ยังมีความอ่อนโยนต่อผิวสูง จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวอักเสบที่สามารถช่วยดูแลผิวไปพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่เหมาะสมกับผิวหน้า

นอกเหนือจากทั้ง 3 วิธีข้างต้นแล้ว ทุกคนยังสามารถดูแลปัญหาสิวอักเสบได้ง่าย ๆ จากการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่เหมาะสมกับผิวของตนเอง

ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบควรให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าสูตรเฉพาะของคนเป็นสิว ควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ตลอดจนเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA เพื่อช่วยให้ผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของเซลล์ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดสิวอักเสบ

นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบยังสามารถดูแลสิวได้โดยการปรึกษาแพทย์และเภสัชกรเพื่อเลือกใช้ยาทาสิวที่มีส่วนผสมของยากลุ่ม Benzoyl Peroxide, เรตินอยด์ รวมไปถึงยาปฏิชีวะกลุ่มต่าง ๆ

 

เพียงเท่านี้ ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่า สิวอักเสบเกิดจากอะไร ตลอดจนรู้จักวิธีรักษาสิวอักเสบเบื้องต้นอย่างไรให้หายไวและไม่ทิ้งรอยให้กวนใจ อย่าลืมนำทั้ง 4 วิธีที่นำมาฝากนี้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของตัวเองด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวชสำอางคุณภาพสูงอย่าง Provamed พร้อมช่วยทุกคนดูแลปัญหาสิวอักเสบได้ด้วยนวัตกรรม Poly-Pore Salicylic ผสานสรรพคุณของ Tea Tree Oil และ Pionin ช่วยให้สิวยุบตัวได้ใน 12 ชั่วโมง พร้อมลดรอยดำและรอยแดงจากสิว ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และซิลิโคนที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง จบปัญหาสิวอักเสบก่อนใครกับ Provamed ได้แล้วที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านขายยาทั่วประเทศ

แชร์ :